เมื่อผู้ป่วยอัมพาตมีอาการชักจนตัวเขียว ญาติแบบเราเกือบช็อค!!!!!

ออกจากรพ.ต้นเดือน ม.ค. แฟนเริ่มเดินเตาะแตะอยู่บนห้อง ยังเดินไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่
ค่อยเป็นค่อยไป ส่วนมือยังคงใช้การไม่ได้ สั่งกำได้ แต่แบไ่ม่ได้ การกำก็ใช้แรงเกร็งเอา


คุณหมอบอกว่าคนไข้อัมพาตครึ่งซีก ถ้าแรงขากลับคืนก่อน แรงที่แขนก็จะคืนช้ากว่า
ในทางกลับกัน คนไข้บางคนก็ขยับมือได้ก่อนที่จะเดินได้


เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจะไปได้สวยแล้วใช่มั๊ยคะ
เปล่าเลย



ทุกวันทุกคืนก็อยู่กันสองคน เรากับคนไข้ซึ่งพูดได้ไม่เป็นประโยค เครียดสุดๆ
เราอยากมีใครซักคนไว้คอยรับฟัง คอยพูดคุย แต่เวลาพูดไปแล้ว เค้าไ่ม่สามารถพูดคุย
ไม่สามารถพูดปลอบโยนเรากลับมาได้ ร้องไห้ทุกวัน เคราะห์ร้ายของเรายังไม่หมดไป


วันที่ 2 ก.ค. ประมาณ 10 โมงกว่าๆ แฟนไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาในห้อง เดินเกือบถึงที่นอนแล้ว
จู่ๆ เค้าก็ลอง "เฮ้ย...." พูดได้แค่นั้น เราหันไป เห็นมือข้างขวาที่ใช้การยังไม่ได้ กระตุกแรงมาก
เรารีบจับแฟนนอนลง หลังจากนั้นแฟนก็ตาเหลือก แล้วก็ชักอย่างรุนแรงมาก ชักเหมือนคนจะตาย
ตาเหลือก ชักกระตุกแบบที่นอนเละไปหมด เราตกใจทำอะไรไม่ถูก เคยได้ยินว่าให้เอาอะไรใส่ปากคนไข้
ไม่งั้นเค้าจะกัดลิ้นตัวเอง ตอนนั้นอยู่ที่ที่นอนไม่มีอะไร ด้วยอารมณ์ตกใจ เราพยายามอ้าปากแฟน
แล้วแฟนเกร็งแรงมากกลัวเค้ากัดลิ้น (ตามที่เคยได้ยินมา) ก็เลยเอานิ้วตัวเองใส่ไว้เพราะห่วงแฟน
สรุปต้องรีบดึงนิ้วออกเพราะแฟนกัดนิ้วเราเต็มแรงเลย (เพราะเค้าไม่รู้ตัว) จนนิ้วเป็นแผล


เราแทบจะกรี๊ดร้องให้คนช่วย แต่คิดว่ากรี๊ดแล้วใครจะมาช่วยล่ะ ก็เลยรีบโทรเบอร์ 1669 
เค้าบอกเดี๋ยวถ้าคนไข้ไม่ดีขึ้นค่อยโทรมาใหม่ เราก็ัยังระแวงกลัวเค้าไม่มาตั้งแต่คราวแรก
ที่แฟนป่วยเข้าฉุกเฉินครั้งนึงและ ตกใจมาก
ก็เลยโทรไป 191 ไม่มีคนรับสาย
เราเลยมานั่งพนมมือบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทน ตอนนั้นอะไรพึ่งได้ก็พึ่งหมด 
เพราะใจคิดว่าเค้าจะตายรึเปล่า เพราะเค้ามีลิ้นหัวใจที่ผ่าตัดเปลี่ยนด้วย ไหนจะอาการที่สมองอีก
ไม่รู้ว่าอาการชักเกิดจากอะไร (ในตอนนั้น) 


ชักอยู่ประมาณสองนาที เหมือนแป๊บเดียวใช่มั๊ยคะ แต่ใจมันจะขาดแล้ว สภาพแฟนน่ากลัวมาก
พอหยุดชัก เรารีบเรียกเค้าเลย คราวนี้ยิ่งตกใจไปกันใหญ่ เพราะเค้าสลึมสะลือมาก เบลอไปเลย
ไม่ยอมพูด ไม่ยอมส่งเสียงอะไรออกมาเลย 


เราร้องไห้โฮเลย ชีวิตไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว อยู่กันสองคน จะอุ้มไปข้างล่างก็ไม่ไหวเพราะแฟนสูง 175 
น้ำหนัก 60 กว่าๆ อุ้มลงไปไม่ไหวจริงๆ รอรถพยาบาลก็ไม่มา 
ยังดีที่อาการชักสงบลงแล้ว เรานั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นประมาณ 20 นาที
แฟนก็เอื้อมมือมาจับมือเรา บอก ไม่เป็นอะไรแล้ว เราเลยถามแฟนว่า 
พอจะเดินไหวมั๊ย ไปรพ. กันให้หมอตรวจหน่อย เค้าพยักหน้าก็เลยพาแฟนลงมานั่งรอที่ด้านล่าง
อพาร์ทเม้นท์แล้วฝากแม่บ้านให้ช่วยดูแฟนไว้แป๊บนึงเพราะกลัวแฟนจะชักอีก
แล้วเราวิ่งไปเรียกแท็กซี่หน้าปากซอยมารับแฟนไป รพ.


ระหว่างทางเราก็โทรบอกคนในครอบครัวเค้า คำตอบที่ได้รับก็คือ แล้วจะให้ทำยังไงอ่ะ วันนี้ไม่ว่าง
ธรรมชาติบ้านแฟนเราจะประมาณนี้ค่ะ นิ่ง เงียบ เฉยชา เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย


แต่ป๊าของแฟนรักแฟนเรามาก เค้าก็พยายามดูแลแฟนเราเท่าที่จะทำได้ แต่ชีวิตครอบครัวแฟนเรา
มันมีความไม่ลงตัวเพราะว่าทั้งพ่อและแม่แฟนต่างก็เลิกรากันและไปมีครอบครัวใหม่ 
อะไรๆ มันก็เลยพูดยากค่ะ ละเอียดอ่อนเหลือเกิน เหนื่อยใจ..................


ุสุดท้ายเราก็ต้องโทรศัพท์ไปร้องไห้ให้น้องสาวฟังแทน วันนั้นน้องสาวแทบไม่เป็นอันทำงานเลย
คอยห่วงเรากับแฟน โทรถามตลอด 


แท็กซี่ถึงรพ. ก็เข้าห้องฉุกเฉิน หมอเวรซักอาการ แล้วคุณหมอก็พูดกับเราว่า หมอไม่ชำนาญเรื่องชัก
เลย เดี๋ยวรอหมอด้านสมองแป๊บนึงนะ เพราะคุณหมอติดเคสผ่าตัดอยู่  ซักเกือบชั่วโมงคุณหมอสมอง
ก็โทรกลับมาหาคุณหมอเวรบอกให้ส่งแฟนเราไปทำ ct scan ทำเสร็จกลับมา คุณหมอสมองมารออ่านผล
ให้ คุณหมอบอกว่า ไม่มีรอยสมองเสียหายเพิ่มเติมนะ (คือคุณหมอเค้าเทียบผลกับ ct scan ครั้งที่เข้า รพ.
ตอนมีอาการอัมพาต) แล้วก็สั่งยากันชักให้ทาน


หลังทานแล้วต้องนอนรอดูอาการที่ห้องฉุกเฉินอีก 45 นาที เพราะยาตัวนี้ทานครั้งแรก ถ้าคนไข้แพ้
จะชักมากขึ้น ยืนอยู่ข้างเตียงแฟนไประทึกไป กลัวเค้าชักอีก 


โชคดีที่แฟนไม่มีอาการชักอีกคุณหมอเลยจ่ายยากันชักกลับมาทานที่บ้านเพิ่ม 


เหมือนจะดีใช่มั๊ย......................... 


ยังค่ะยัง ผ่านไปสองอาทิตย์แฟนเรามีผื่นแดงขึ้นเต็มตัว (mp rash) แดงแบบน่ากลัวมาก
เราต้องพาแฟนมา รพ. อีกรอบ ปรากฏว่าแฟนแพ้ยากันชัก ต้องให้คุณหมอเปลี่ยนยาให้อีก
เฮ้อ อะไรกันนักหนาหนอชีวิต..................


ได้ยากันชักมาทานแล้ว ใจแอบดีใจว่าต่อไปนี้แฟนเราก็ไม่ชักแล้ว เพราะิกินยากันชัก
55555 ฝันกลางวัน แฟนเรายังชักอยู่ค่ะ ประมาณ 2 เดือนจะชัก 1 ครั้ง แต่ละครั้งเราก็ร้องไห้ตลอด
เพราะอาการมันน่ากลัวมากจริงๆ


ชักทั้งหมด 3 ครั้ง ปลายปีคุณหมอเจ้าของไข้ที่รักษาอัมพาตเลยสั่งเพิ่มตัวยาให้
หลังจากเพิ่มตัวยาจนถึงตอนนี้ แฟนก็ไม่ชักอีกเลยเกือบปีแล้วค่ะ 
และคุณหมอก็บอกว่า ไม่ต้องเครียดนะ คนไข้อัมพาต 10% จะมีอาการชักร่วมด้วย
ขึ้นอยู่กับรอยเสียหายที่สมองว่าไปทำลายส่วนไหน อย่างแฟนเรามีสมองตายเป็นวงใหญ่เหมือนกันค่ะ


แต่ถ้าท่านใดมีคนในครอบครัวหรือคนรู้จักป่วยเป็นอัมพาต แล้วคุณหมอบอกว่ามีสมองตายด้วย
อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ เพราะถ้าเราหมั่นกายภาพบำบัด ทำตามที่คุณหมอแนะนำ คนไข้ก็มีโอกาสดีขึ้นได้ค่ะ


ตอนที่นอนไอซียูลืมเล่าให้ฟังว่า อาการเรียกว่าลูกผีลูกคนอยู่ 4 วันเต็มๆ ค่ะ คุณหมอ (เอกชนนะ) 
แจ้งว่า แฟนมีโอกาสเสียชีวิตไ้ด้ตลอดเวลา จำได้ว่าคุณหมอแจ้งว่า ให้ยา heparin แล้ววันที่สอง
กับวันที่สามที่นอนไอซียู แฟนจะมีอาการสมองบวม จะไม่ค่อยได้สติ เขย่าแขนก็จะหลับตลอด
ไม่รับรู้ ตอนนั้นยอมรับว่าใจส่วนหนึ่งแอบทำใจเผื่อการสูญเสียไว้เหมือนกัน


คราวนี้ผ่านไปอีกเรื่องใหญ่แล้วนะคะ คราวหน้าเราจะเิริ่มพาแฟนไปรักษาเพิ่มเติมกันค่ะ
ตั้งสติให้ดีนะคะ คุณจะค้นพบด้วยตัวเองว่า เวลาบ้านไหนมีผู้ป่วยด้วยโรคร้ายแรง
จะมีคำแนะนำหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย หมอคนนั้นดี ยานี้กินแล้วหาย คนนู้นก็หาย คนนี้ก็หาย
เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในบล็อกหน้าค่ะ ว่ามีคนมานำเสนอเรากี่ขนาน แล้วเราเลือกหนทางไหน
แฟนเราถึงได้ดีขึ้น อย่าลืมติดตามนะคะ.......

1 ความคิดเห็น:

  1. ผ่านมาเจอ ..เข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี คุณพระคุ้มครองทั้งคุณและแฟนนะคะ สู้ๆ อย่าลืมดูแลตัวเอด้วยนะคะ

    ตอบลบ