เมื่อสิ่งสำคัญในการรักษาอัมพาต คือ "สติ" เรารักษาแฟนโดยไม่ใช่อาหารเสริมเทวดาใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ

หลายๆ บ้านคงเคยมีผู้ป่วยในบ้านใ่่ช่มั๊ยคะ ยิ่งเป็นโรคร้ายแรง
คุณจะได้พบเจอคนกลุ่มหนึ่งที่แสนดีกับเราและคนในครอบครัวเรามากมาย
คอยมาสอบถามปัญหา พร้อมกับเสนอ (ยัดเยียด) ผลิตภัณฑ์
ที่เค้ามีส่วนได้ส่วนเสียให้กับเราเสมอ

สำหรับเรากับแฟน เจอตั้งแต่บนห้องกายภาพบำบัดเลยค่ะ ตำแหน่งของเค้าคือ "แม่บ้าน"
ประจำวอร์ด ช่วงที่แฟนเราเริ่มเดินด้วยไม้เท้าแล้ว จนท.กายภาพเค้าจะให้พนักงานที่อยู่
ในวอร์ดคอยช่วยดูแลคนไข้เวลาเดินโดยมีญาติคอยดูแลด้วย 


ช่วงฝึกเิดิน เราัจะคอยดูแลแฟนตลอด ไม่ไปไหนห่างเลยเพราะกลัวแฟนล้ม
คุณแม่้บ้านคนนี้ก็เข้ามาประกบ มาดูแลเทคแคร์แฟนเราดีมากๆ ผ่านไปสองวัน
เธอเดินมาบอกเราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนั้นแฟนยังเดินเรียกว่าแทบจะไม่ได้เดินเลยดีกว่า
มันเตาะแตะมาก..... เธอบอกเราว่า เดี๋ยวเย็นนี้ทางวอร์ดขอคุยกับญาติคนไ้ข้นะ
ให้รอที่หน้าลิฟต์ชั้นล่าง เครียดเลยสิครับ ใจคิดแล้ว สงสัยว่าแฟนเราต้องมีปัญหา
เกี่ยวกับการรักษาแน่ๆ ทำกายภาพบำบัดเสร็จก็เข็นคนไข้กลับมาวอร์ดโรคหลอดเืลือดฯ
แล้วก็นั่งเครียดๆ สักพักพยาบาลที่คุ้นเคยกันก็เรียกถามว่า "น้องๆ เป็นอะไรรึเปล่า ดูเครียดๆ"
เราเลยบอกว่า เนี่ย จนท.ที่ห้องกายภาพเรียกไปคุยตอนเย็น ไม่รู้มีปัญหาอะไรรึเปล่า

พยาบาลเค้าก็เลยถามว่า ใช่คนที่เป็นแม่บ้าน อ้วนๆ เตี้ยๆ รึเปล่า เราบอกว่า "ใ่ช่"
พยาบาลบอกว่า ถ้างั้นไม่ต้องไปหรอก เค้าจะขายอาหารเสริมให้ เราก็บอก เฮ้ย ใช้วิธีแบบนี้เลยเหรอ
หากินบนความทุกข์คนอื่นอ่ะ อารมณ์นั้น ไม่รู้แล้ว ยาคุณจะดีแ่่ค่ไหนแต่ขายด้วยกลยุทธ์แบบนี้มันไม่ถูกต้อง

เย็นนั้นเราก็ไม่ได้ลงไปรอเค้า พอรุ่งขึ้นอีกวัน พาแฟนไปทำกายภาพบำบัดอีก คราวนี้เค้าพาเราและแฟน
ฟอร์มพาฝึกเดินไปทางหลังห้องที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นอยู่ แล้วก็เริ่สาธยายเรื่องวิตามินน้ำนมจมูกข้าว
ว่าทุกคนที่กินนะ จากเป็นอัมพาตก็หายกันหมดทุกคน ปกติเราเป็นคนขี้เกรงใจ ก็กะว่า 
อืม ไม่เป็นไร ช่วยเค้าซื้อไป 1 กระปุกแล้วกัน 700 เสียอย่างอื่นเยอะกว่านี้อีก เพราะเค้าก็ช่วยดูแล
แฟนตอนกายภาพบำบัดด้วย แต่คิดไว้แล้วว่าไม่ให้แฟนกินแน่ๆ 

เราเลยบอกว่า พี่ หนูลองสั่งดูหนึ่งกระปุกค่ะ เค้าบอกว่า "น้อง อย่าว่าพี่ปากร้ายเลยนะ น้องโง่รึเปล่า
น้องซื้อไปแฟนกินแ้ล้วดีขึ้นเดี๋ยวก็ต้องสั่งอีก ซื้อ 6 กระปุกตกกระปุกละ 450 เองนะ เอาไปเลย 6"
จังหวะนั้นเงินเราก็ต้องเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินเหมือนกัน เลยตัดใจไม่เอาเลย มองหน้ากันไม่ติดไปหลายวัน
เหมือนกัน วันหลังทำกายภาพบำบัด ได้ยินกับหูเลย ว่าเค้าไปชวนคุณลุงท่านหนึ่งเป็นอัมพาตเหมือนกัน
ให้ซื้อวิตามินของเค้า แล้วเค้าพูดว่า "เนี่ย น้องผู้ชายคนนั้นอ่ะ สงสัยไม่หายหรอก แฟนเค้าขี้เหนียว
ไม่ยอมซื้อให้กิน"

คนเราไม่มีผลประโยชน์ไม่ลงทุนทำแบบนี้หรอกค่ะ แล้วลองไปดูตามเว็บจะรู้เลยว่าเค้ากินกันเป็นทอดๆ
สรุปในตัวยาคงไม่มีสารอะไรที่ช่วยรักษาอาการของโรคเท่าไหร่หรอกค่ะ ดูๆ แล้วต้นทุนคงไม่ถึงร้อย
เพราะต้องจ่ายเปอร์เซ็นต์ขายกันหลายชั้น 

"มันเป็นอุปทานหมู่มากกว่า" ตั้งสติไว้นะคะ อย่าหลงเ่ชื่อค่ะ

รอดไปหนึ่งตัวยา ต่อมาเครือญาติกับแฟนเลยค่ะ ขายน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น อันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น 
ขวดละ 2500 พ่อแฟนก็ห่วงลูก ซื้อมาให้ เราก็รับไว้เพราะว่าน้ำผลไม้นี้แทนความรักความห่วงใย
ของพ่อที่มีให้ลูก ขนาดน้ำผลไม้ขวดละ 2500 ก็ยังซื้อให้ลูกกิน หวังให้ลูกหาย ทุกวันนี้ยังไม่เคย
เปิดขวดค่ะ แต่เก็บตั้งไว้บนหิ้งอย่างดี เพราะตอนนี้พ่อแฟนเสียแล้วค่ะ เก็บไว้ดูต่างหน้า

ที่ไม่ให้กินไม่ได้หมายความว่า ทุกสิ่งบนโลกนี้จะไม่ดีนะคะ แต่มันมีเหตุผลค่ะ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะโรคอะไรก็ตาม คุณหมอที่รักษาต้องการความร่วมมืออย่างเคร่งครัด
จากคนไข้ค่ะ และอาหารบางชนิดก็ไปเพิ่มฤทธิ์หรือลดฤทธิ์ของยาที่ได้รับอยู่ จึงทำให้เกิดอันตราย
ถึงชีวิตได้ หรือทำให้รักษาแ้ล้วไม่หายได้ค่ะ ยกตัวอย่าง แฟนเราทานยาต้านการแข็งตัวของเกร็ดเลือด
ก็ยังห้ามทานผักใบเขียวจำนวนมากๆ เลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราเลยไม่เสี่ยงให้แฟนเรากินอาหารเสริม
ใดๆ บนโลกใบนี้ทั้งสิ้นค่ะ

แต่... ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ใ่ช่ว่าเราไม่ขวนขวายหาทางรักษาแฟนนะคะ
เราขวนขวายค่ะ แต่ตั้งอยู่บนสติด้วย ไตร่ตรองหนักๆ
บล็อกหน้าจะแนะนำค่ะว่าเรารักษาแฟนเราอย่างไร จากที่แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิต
ก็กลับมาเดินได้เืกือบปกติ และอาการดีวันดีคืน
ติดตามต่อบล็อกหน้านะคะ






















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น