คราวนี้มาเริ่มออกเดินทางไปโรงพยาบาลกันแล้วนะคะ
หลังจากที่โทรศัพท์เรียกรถฉุกเฉินจากโรงพยาบาล A (เอกชน) มาแล้ว
เวรเปลได้ขึ้นมารับบนห้อง และพาแฟนเราลงบันได เล่นเอาเวรเปลสองคนหอบเลย
เพราะไม่มีลิฟต์
หลังจากก้าวขาขึ้นรถฉุกเฉินกับคนไข้แล้ว คราวนี้สิ่งที่ต้องทำและสำคัญมากก็คือ
หลังจากขึ้นไปบนรถฉุกเฉินแล้ว ถ้าหยุดร้องไห้ได้ หยุดก่อนค่ะ ตั้งสติประมวลผล
(แต่ถ้าหยุดร้องไม่ได้จริงๆ เหมือนเรา ร้องไปด้วยประมวลผลไปด้วยก็ได้ค่ะ)
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ (ส่วนใหญ่จะเป็นพยาบาล) จะซักประวัติคนไข้ ควรตอบตามความเป็นจริง
โดยไม่ต้องปิดบังนะคะ มีโรคประจำตัวอะไร เคยผ่าตัดมั๊ย ถ้าเคย ผ่าตัดปีไหน นอนโรงพยาบาลกี่วัน
อายุเท่าไหร่ คนในครอบครัวมีประัวัติป่วยด้วยโรคร้ายแรงมั๊ย ฯลฯ
ขั้นตอนนี้ดูน่าเบื่อนะคะ แต่ว่าจะช่วยชีวิตคนไข้ได้เยอะเมื่อถึงโรงพยาบาลเลยค่ะ
เพราะถ้าข้อมูลครบถ้วน ไปถึงโรงพยาบาลก็เข็นเข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์มาถึงก็ทำการรักษาได้เลย
ผิดกับถ้าข้อมูลผู้ป่วยไม่ครบ คนใกล้ชิดไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ก็จะทำให้การรักษาช้าออกไปค่ะ
ระหว่างทางที่อยู่บนรถฉุกเฉิน สมองเราทั้งกลัว กังวล ร้องไห้ ประมวลผลประวัติการรักษาของแฟน
เพราะเป็นโรคหัวใจด้วย เดิมก็มีประวัติการรักษาอยู่สองโรงพยาบาลแล้ว ทุกวันนี้ยังงงว่ารถฉุกเฉิน
พาดิฉันและแฟนไปถึงโรงพยาบาลด้วยเส้นทางไหน ตอนนั้นสมองมันอัดแน่นไปหมด
คราวนี้ถึงห้องฉุกเฉินกันซักทีนะคะ
ช็อตนี้ยาวนานมาก เจ็บปวดมากที่สุดในการเกิดมาเป็นคนเลย ขอเล่าในบล็อกหน้านะคะ
เพราะยาวมากจริงๆ
ขอบพระคุณที่ติดตามค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น