ส่งโรงพยาบาลไหนดีล่ะทีนี้??????

เมื่อมีผู้ป่วยแบบฉุกเฉินในบ้าน โดยเฉพาะอาการแสดงจากโรคหลอดเลือดสมองด้วยแล้ว
ทุกๆ ท่านคงต้องตกใจแน่นอน สิ่งที่ทำได้ก็คือ ตั้งสติให้มั่นค่ะ อย่าเพิ่งร้องไห้ฟูมฟาย
คิดทบทวนเลยว่าคนไข้มีโรคประจำตัวมั๊ย รักษาที่โรงพยาบาลไหน หากมีรถยนต์และสามารถนำผู้ป่วย
ส่งโรงพยาบาลได้เองวิธีนี้ผู้ป่วยจะถึงมือหมอเร็วที่สุด
แต่อาจต้องใช้วิธีการอุ้มผู้ป่วยเพราะผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรง
ไม่สามารถเดินได้  แต่หากไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลเองได้ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้...
ตรวจสอบว่าผู้ป่วยมีสิทธิรักษาใดบ้าง เช่น ประกันสังคม บัตรทอง ประกันชีวิต สิทธิข้าราชการ
การส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีสิทธิในการรักษาจะสะดวกที่สุด


กรณีที่ไม่สามารถนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเองได้ ให้โทรเรียกรถพยาบาลได้ที่เบอร์ 1669
ทริคเล็กน้อยจากประสบการณ์เราเอง แจ้งไปเลยค่ะว่าคนไข้หมดสติ (ไม่งั้นอาจรอเก้อเหมือนเรากับแฟน)
การเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินนี้อาจจะไม่สามารถเลือกโรงพยาบาลได้นะคะ แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ
เพราะว่าเคสฉุกเฉินขอให้ผู้ป่วยถึงมือแพทย์ก่อน เดี๋ยวค่อยทำเรื่องส่งต่อผู้ป่วยทีหลัง


สิ่งที่ต้องเตรียมไปพร้อมกับผู้ป่วย
- บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านผู้ป่วย
- ใบส่งตัวจากสถานพยาบาล (ถ้ามี)
- ยาประจำตัวผู้ป่วย
- บัตรทอง บัตรประกันสังคม ประกันชีวิตต่างๆ
- ประวัติคนไข้


แต่............ (กรณีนี้เผื่อไว้นะคะ เพราะของแฟนเราเป็นเคสที่ละเอียดอ่อนมากค่ะ)
ยกตัวอย่างกรณีของแฟนเรา  มีประวัติเป็นลิ้นหัวใจรั่ว ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
ต่อมามีลิ่มเลือดไปเกาะที่ลิ้นหัวใจเทียมทำให้ลิ้นหัวใจที่ผ่าตัดทำงานไม่ได้ และมีลิ่มเลือดบางส่วน
ไปอุดที่เส้นเลือดในสมอง ทำให้เกิดอาการซีกขวาอ่อนแรง ไม่สามารถควบคุมน้ำลายได้ ไม่สามารถพูด
ออกมาได้เลย
กรณีนี้ซ้ำซ้อนมากค่ะ เพราะแต่เดิมที่จะพบว่าเป็นลิ้นหัวใจรั่วนั้น
แฟนใช้สิทธิประกันสังคมที่รพ. A (เอกชนย่านฝั่งธน) ต่อมาเมื่อตรวจพบลิ้นหัวใจรั่ว
ได้ส่งตัวไปพบแพทย์เพื่อผ่าตัดที่รพ. B (รพ.รัฐอยู่นนทบุรี) หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยออกจากรพ.แล้ว
รับยาละลายลิ่มเลือด (ต้องกินตลอดชีวิต) ที่รพ. A ตามสิทธิประกันสังคม


แต่ก่อนจะเกิดอาการอัมพาต แฟนตกงานจนหมดสิทธิประกันสังคม จึงได้ไปเปลี่ยนสิทธิเป็นบัตรทอง
แต่ว่าเลือกได้ รพ. C (เพราะที่เขตแต่ละเขตจะมีรพ.ในเขตตามสิทธิบัตรทองให้เลือกได้ไม่เยอะ)
ในวันเกิดเหตุ ดิฉันได้โทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินแจ้งอาการแฟนไปอย่างละเอียด
รออยู่ครึ่งชั่วโมงรถพยาบาลก็ไม่มีวี่แววจะมารับแต่อย่างใด (ภายหลังถามคนที่อพาร์ทเม้นท์ก็ยืนยันว่าไม่มีรถ รพ. มาเลย หึหึ สมเพชตัวเองวันนั้นมาก ร้องไห้อย่างหนัก อยู่กับแฟนสองคน อุ้มลงมาก็ไม่ได้ ลิฟต์ก็ไม่มี อยู่ชั้นสี่อีกต่างหาก รถพยาบาลก็ไม่มา เฮ้อ เศร้า)


สุดท้ายต้องตัดสินใจโทรเรียกรถรพ. A (เอกชน) เพราะว่าแฟนมีประวัติการรักษาโรคหัวใจอยู่แล้ว
จะเรียกรพ. B จากนนทบุรีก็คงไม่ทันการ ทางรพ. A แจ้งว่ามีค่าออกรถ 800 บาทนะคะ ไม่อยากจะบอกว่า
ตอนนั้นเงินในกระเป๋ายังมีไม่ถึงค่ารถพยาบาลเลย แต่ก็ต้องบอกไปว่า ค่ะ ออกมารับคนไข้เลยค่ะ
เพราะเวลามันวิ่งไปเยอะแล้ว หลังจากต้องรอเก้อรถฉุกเฉินฟรี!!!!!


กรณีนี้เราจำเป็นต้องเลือกทางนี้ค่ะ ค่ารักษาของแฟน 7 วัน ขาดไม่กี่ร้อยก็จะครบหนึ่งแสนบาท
แต่สุดท้ายถึงจะต้องเป็นหนี้สิน แต่เพื่อรักษาชีวิตของแฟน ถึงย้อนเวลากลับไปได้ ดิฉันก็จะเลือกทางนี้ค่ะ


มาค่ะ บล็อกต่อไป ช่วยกันหามคนไข้และก้าวขึ้นรถฉุกเฉินกันค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น