ย้ายไปหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองกันค่ะ

แฟนนอนที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชายได้ 2 คืน เช้าวันถัดมาตื่น 6 โมงเช้า ไปถึงรพ. 7 โมงกว่าๆ จะไปดักรอหมอ round ward เพื่อซักถามอาการเพิ่ม ปรากฏว่า อ้าว เตียงแฟน ไหงเป็นคนไข้คนอื่น


พยาบาลบอกว่า "ย้ายขึ้นไปข้างบนค่ะ" อืม เดินมึนๆ งงๆ ขึ้นไปอีก 1 ชั้น
วิ้งงงงงงงง.... โอ้ หอผู้่ป่วยโรคหลอดเลือดสมองกับอายุรกรรม ต่างกันสุดขั้วโลกเลย
หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งใหม่ สะอาดมาก (ถอดรองเท้าเดินได้เลย) ตกแต่งใหม่
ถึงจะนอนรวมแต่อารมณ์เดียวกับห้องเอกชนแบบประมาณ 4 เตียงเลย ไม่แออัด ค่อยยังชั่ว เฮ้อ
ยังอุตส่าห์ถอนหายใจอีกนะ....


นั่งพักพอหายเหนื่อย หัวหน้าพยาบาลก็มาซักประวัติคนไข้เพิ่ม รอบนี้จะถามละเอียดมาก
เกี่ยวกับชีวิตประจำวันก่อนที่จะป่วย ทำงานอะไร สถานภาพครอบครัวเป็นยังไง 
หลังจากนั้นประมาณ 9 โมง จะมีกิจกรรมบำบัด คนไข้ของวอร์ดนี้ทุกเตียง เจ้าหน้าที่จะมาเข็น
ไปรวมกันที่อีกโซนหนึ่ง อยู่ในวอร์ดเดียวกันนี้ มีเจ้าหน้าที่กิจกรรมบำบัดคอยดูแลคนไข้
ให้ออกกำลังกายเบาๆ ฝึกหายใจ บางรายที่พูดไม่ได้ (สมองส่วนที่ควบคุมการรับรู้ทางภาษาถูกทำลาย)
เหมือนแฟนเรา ก็จะให้ฝึกพูด ฝึกอ่าน ช็อตนี้มองเผินๆ ไม่มีอะไร แต่....


อยากบอกว่า คราวนี้จากที่เราร้องไห้คนเดียว ช็อตนี้ร้องสองคนแล้วค่ะ เศร้ามาก



แฟนเราตั้งแต่ป่วยจนออกจากไอซียู ก็พูดได้แค่พยางค์เดียวตลอด ที่ติดปากก็คือ "โอ๊ย" 
นักกิจกรรมบำบัดให้ดูรูปพวกผลไม้ เช่น ส้ม มะละกอ ชมพู่ ของที่เราเห็นมาแต่เด็ก
แฟนเราดูแล้วไม่สามารถบอกได้เลยว่าของสิ่งนี้คืออะไร แล้วเค้าก็นั่งร้องไห้โฮเลย
คือเค้าคุ้นไงว่าของสิ่งนี้เค้ารู้จักนะ เคยกิน แต่ตอนนี้เค้าไม่สามารถพูดออกมาได้
ร้องแบบน้ำตานองเลย เราเองก็กลั้นไม่อยู่เหมือนกัน อืม สุดๆ


ตอนบ่ายผู้ป่วยคนไหนที่มีญาติอยู่ด้วย เค้าจะให้ญาติเข็นคนไข้ลงไปทำกายภาพบำบัดอีกตึกนึง
อยู่ที่ รพ. นี้เกือบเดือน ทำกายภาพบำบัดวันจันทร์ถึงศุกร์ สองอาทิตย์แรกความหวังที่แฟนจะเดินได้
มันหดหายไปหมด


นักกายภาพบำบัด 4-5 คนช่วยกันพยุงแฟนให้ยืนเพื่อให้ขารับน้ำหนักตัวได้ แค่ยืนแฟนเราก็ไม่สามารถแล้ว พอนักกายภาพบำบัดปล่อยมือแฟนเราก็จะร่วงตามมือเลยค่ะ ไม่ใช่ล้มนะคะ เค้าคอยดูแลอยู่
แต่แฟนไม่สามารถยืนได้เลย แล้วจะเดินได้ยังไง แฟนเราก็แอบเช็ดน้ำตาตลอดเวลาที่เห็นคนไข้
คนอื่นเค้าเดินได้ 


ถึงความหวังจะริบหรี่ แต่ก็ยังแอบหวังนะ เราสวดชินบัญชรวันละ 9 จบทุกวันเลย จนวันหนึ่ง
หัวหน้านักกายภาพบำบัดก็มาจับแฟนเรา แล้วก็บอกว่า "เรามาเดินกันเถอะ ไม่ต้องยืนลงน้ำหนักแล้ว 
เดินเลย อ้าว ก้าวขา" แฟนเราเดินได้เฉยเลย (เดินโดยที่นักกายภาพบำบัดจับขอบกางเกงด้านหลังไว้
กันล้มนะคะ ไม่ใช่เดินตัวปลิว) นักกายภาพในวอร์ดพากันงงเลย คนไข้คนอื่นจะต้องเริ่มจากยืนก่อน
ถ่ายน้ำหนักซ้ายขวาให้รับน้ำหนักตัวได้ พอคงที่แล้วจึงเดิน แต่แฟนเรายืนไม่ได้ ปล่อยเป็นร่วงแต่เดินได้
เฉยเลย 


เราค่อยมีหวังขึ้นมาหน่อย เดี๋ยวมาต่อกันที่บล็อกต่อไปนะคะ 
เดินได้ไม่ใช่ว่าจะหาย ยังมีสิ่งที่ต้องระวังอย่างเข้มงวดอีก เฮ้อ...................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น