กลับบ้านเรานะ รัก (รึเปล่า) รออยู่......

หลังจากอยู่ รพ.ที่สองเกือบเดือน ยังจำได้ดี วันส่งท้ายปีใหม่กลับมาถึงห้องตอนสี่ทุ่มกว่าๆ
หลับไปบนพื้นห้องเพราะเหนื่อยมาก ตื่นอีกทีตอนเค้าจุดพลุรับปีใหม่กัน ตกใจตื่น 
ตื่นขึ้นมาร้องไห้ดีกว่า อยู่ก็คนเดียวเหงาๆ ห่วงแฟนก็ห่วง มันช่างเป็นปีใหม่ที่หม่นหมองเอามากๆ


7 ม.ค. คุณหมอให้กลับบ้านได้ ทุลักทุเลพอสมควรกับผู้หญิงคนหนึ่งต้องพาคนป่วยอัมพาต
กลับบ้านด้วยแท็กซี่ ไหนจะข้าวของที่ต้องขนกลับ ไหนจะคนไข้ที่ยังไม่แข็งแรง 
ยังคงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนรถเข็นนะ ไม่ใช่เดินตัวปลิว 

กลับอพาร์ทเม้นท์ก็ไม่ได้เพราะไม่มีลิฟท์ ต้องไปอยู่กับบ้านแม่แฟน (แม่แฟนแท้ๆ)
เหมือนอะไรๆ จะดีขึ้นนะ แต่มันไม่ใช่ คุณหมอบอกว่า เช้าๆ ให้เดินออกกำลังกายนะ อากาศดี
เราตื่นกันตั้งแต่หกโมงเช้า พาแฟนออกมาเดินหน้าบ้าน (บ้านแม่แฟนเป็นร้านขายของชำ)
แม่แฟนเห็นเข้าก็กรี๊ดๆๆๆ  หงุดหงิด บอกว่า พาออกไปเดินทำไม ไม่อายเค้าเหรอ
อึ้งไปครับท่าน แม่แท้ๆ ที่อุ้มท้องมานี่แหละ 


(ท่านใดเห็นข้อความนี้แล้วรู้สึกไม่ดีกับเรา ต้องขออภัยอย่างสูงจริงๆ แต่แม่แฟนคนนี้
ไม่เหมือนแม่คนอื่นๆ ที่เราเคยเจอ ไม่เหมือนแม่เรา ตอนที่แฟนเราดีๆ โทรมาขอเงินเกือบทุกเช้า
แฟนเราให้ทุกครั้ง บางครั้งแฟนไม่มีเราเอาเงินเราให้ด้วยซ้ำไป ตอนที่นอนไอซียูมารู้ตอนหลัง
ว่าเค้าโทรไปยืมเงินคนหลายคนบอกว่าจะเอามารักษาแฟนเรา แต่เค้าไม่เคยช่วยออกอะไรเลย
ไม่เคยแม้แต่จะซื้อข้าวให้แฟนเรากิน เกิดมาในชีวิตเราก็เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน)


เป็นแบบนี้ทุกวัน เวลาแฟนเราออกมาจากห้องนอน คือบ้านจะเป็นชั้นเดียว เดินเข้าบ้านเป็นร้านของชำ
แล้วเปิดเข้าไปก็เป็นห้องนอนเลย นอนรวมกันหมด แฟนเราออกมานั่งนอกห้องนอนก็ไม่ได้
ไล่ให้เข้าห้องบอกอายเขาตลอด 


สุดท้ายเราเลยต้องเกณฑ์น้องสาวกับเพื่อนมาจากต่างจังหวัด ให้ช่วยกันประคองแฟนขึ้นอพาร์ทเม้นท์
ชั้น 4 หน่อย ขึ้นแล้วอยู่บนนั้นเลย
ตอนนี้ก็เศร้าสุดๆ มันท้อ มันถอย บอกไม่ถูก 
แฟนเรานี่ยิ่งน่าสงสาร ทำงานได้เงินเดือนเกือบสองหมื่น ตัวเองให้แม่หมด กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวัน
แต่พอตัวเองป่วย แม่รับไม่ได้เลย ไม่สนใจเลย แถมรังเกียจอีก อืมมมมมมมมมมม
ร้องไห้กันดีกว่า......


บล็อกหน้าเราจะพาคนไข้อัมพาตออกสู่โลกภายนอกท่ามกลางสายตาคนที่มองด้วยอารมณ์หลากหลายกันค่ะ ทั้งเจ็บปวด ทั้งได้กำลังใจ ติดตามกันบล็อกหน้านะคะ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น