กินยาแล้วหาย นวดแล้วหาย หมอเทวดารักษาหาย แล้วรักษาแบบไหนดีเนี่ย????

มากันอีกแล้ว เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน หลังจากที่แฟนทานยากันชัก
ตอนนั้นผ่านไป 7 เดือนแล้วตั้งแต่เริ่มป่วยอัมพาต แฟนเดินได้ แต่ยังช้าอยู่มาก
พาข้ามถนนก็ต้องโบกมือขอให้รถจอดเลยทีเดียว เราก็เครีียด ทางบ้านเราก็เครียด
เพราะว่าัเรายังไม่ได้แต่งงานกันเลย


พ่อเราแนะนำว่าให้พามาัรักษากับคุณหมอ P (เป็นแพทย์จบด้านประสาทศัลยศาสตร์นะคะ
ไม่ใช่หมอตามคำบอกเล่า) เพราะเราเองก็รู้ว่าท่านเคยรักษายายที่ป่วยเป็นอัมพาต
ร่างกายสองด้านใช้การไม่ได้เลย เคลื่อนไหวได้แต่ส่วนศีรษะเนื่องจากเส้นเลือดตีบ
จนยายเราหายดี เดินได้เหมือนปกติทุกอย่าง ทุกวันนี้อายุ 77 แล้วยังเดินขึ้นลงบ้านเอง
ทำักับข้าวใส่บาตรเอง 



แต่ตอนแรกปัญหามันอยู่ที่เราต้องพาแฟนจากกรุงเทพเพื่อจะไปรักษาที่บ้านเกิดเราต่างจังหวัด
ซึ่งคุณหมอเปิดคลินิคอยู่ พ่อเราก็บอกว่าอย่าท้อ พานั่งรถทัวร์มาแล้วเดี๋ยวพ่อไปรับที่ท่ารถ
ไปหาหมอ พ่อมารอรับเรากับแฟนทุกอาทิตย์เลย (จริงๆ หาเดือนละครั้งก็ได้ แต่เราอยากมา
ทุกอาทิตย์มากกว่า เพราะแฟนเคยผ่าตัดลิ้นหัวใจด้วย จะได้วัดความดันแล้วก็ให้คุณหมอ
ดูความคืบหน้าด้วย) ค่ายาอาทิตย์ละ 400 กว่าบาท 


จริงๆ ก่อนที่จะไปทำการรักษากับคุณหมอ P เราปรึกษาคุณหมอเจ้าของไข้ที่รพ. แล้วนะคะ
เพราะคุณหมอเองท่านก็แนะนำดีว่าตอนนี้ยาในสิทธิต่างๆ จะจ่ายเฉพาะตัวที่รักษาเท่านั้น
พวกยาบำรุงต่างๆ เช่น ยาบำรุงสมองที่คนไข้อัมพาตหรือพาร์คินสันจำเป็นต้องใช้
ไม่อยู่ในสิทธิ หากต้องการใช้จะต้องชำระเงินเอง และคุณหมอก็ยังกรุณาแนะนำว่า
ยาที่มีส่วนใหญ่ก็เป็นยา local คือ ยาที่ผลิตในประเทศด้วย 
เราเลยลองปรึกษาคุณหมอดูว่าจะไปรักษากับคุณหมอ P นะที่จังหวัด... คุณหมอก็โอเค
แล้วบอกว่าให้นำยาเดิมที่ทานอยู่ไปด้วย คุณหมอ P จะได้จัดยาให้ถูกและไม่ซ้ำซ้อนกัน


อยากบอกว่า คุณหมอ P เป็นหมอที่น่าชื่นชมมากค่ะ เราไม่ใช่หน้าม้า แต่อยากบอกว่า
คนไข้ทุกคน คุณหมอจะเป็นคนวัดความดันด้วยมือตัวเองค่ะ ไม่ว่าคนไข้จะเยอะขนาดไหน
และจะซักอาการอย่างละเอียดจริงๆ หลังคุณหมอตรวจแฟนเราเสร็จก็แจ้งว่า
ยาที่ต้องเพิ่มจะเป็นยาบำรุงสมองนะ เพราะ่ว่ายาที่ีมีอยู่มีแต่ตัวที่รักษาตามอาการ
คือมียาป้องกันการแข็งตัวของเกร็ดเลือด ยากันชัก ฯ แต่ไม่มีตัวบำรุงเลย 
ซึ่งถามว่า ไม่มีได้มั๊ย คำตอบคือได้ แต่สมองก็จะฟื้นตัวช้า ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุว่าทำไม
ผ่านไป 7 เดือนแล้วแฟนเรายังเดินไม่ค่อยแข็งแรง 


ที่เราต้องตัดสินใจพาแฟนมาหาคุณหมอ P เพราะหลายเสียงเหลือเกินที่ส่งมาให้เราร้อนใจประจำ
ว่าคนไข้อัมพาตจะหายไม่หายดูแค่ 6 เดือนนะ ถ้า 6 เดือนได้เท่าไหนก็คือเท่านั้น ตอนแรก
เราร้อนใจมาก นอนร้องไห้ตลอดเพราะคิดว่า ผ่านไปเจ็ดเดือนแล้ว แฟนเราจะเดินได้เตาะแตะแค่นี้
ตลอดชีิวิตเหรอ


*** อยากบอกว่า จากประสบการณ์ของแฟนเรา ไม่จริงค่ะ คนไข้อัมพาตมีโอกาสดีขึ้นตลอด
ตราบใดที่ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ ทุกวันนี้จะครบสองปีแล้ว แฟนเราก็มีพัฒนาการเดินที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอด
จนตอนนี้เดินเร็วเท่าคนปกติแล้วค่ะ แต่ท่าเดินยังดูแปลกตาอยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังดีใช่มั๊ยคะ


แล้วคลินิคคุณหมอ P ไม่ได้เลิศหรู ไม่ได้ติดแอร์ใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ มีภรรยาคุณหมอคอยหาประวัติคนไข้
ส่วนขั้นตอนการตรวจตั้งแต่วัดความดัน วินิจฉัยโรค จัดยา คุณหมอทำด้วยมือคุณหมอทั้งหมดค่ะ
คนไข้และญาติแบบเราก็สบายใจค่ะ


ส่วนชื่อคุณหมอขอไม่นำมาเปิดเผยนะคะ เพราะไม่ได้ต้องการโฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างใด
แต่หากใครต้องการไปรักษากับคุณหมอจริงๆ สอบถามได้ค่ะ เราจะบอกข้อมูลให้
แล้วท่านเดินทางไปเองนะคะ  ไม่ต้องมีการอ้างอิงถึงใครใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียค่ะ


คุณหมอ P รักษาโรคเกี่ยวกับสมองและระบบประสาทค่ะ เช่น ชัก อัมพาต ชามือ ชาเท้า ปวดหลัง
ปวดคอ ประมาณนี้ค่ะ ปัจจุบันคุณหมอเป็นแพทย์ประจำ รพ. ของรัฐค่ะ เปิดคลินิควันธรรมดาช่วงเย็น
วันเสาร์อาทิตย์ครึ่งวันเช้าค่ะ


เท่านี้พอนะคะ ไม่ไ้ด้ต้องการโฆษณาชวนเชื่อจริงๆ ค่ะ เจอกันบล็อกหน้าจะแนะนำการปฏิบัติตัว
ขณะกลับมาพักฟื้นที่บ้านนะคะ สู้ๆ ค่ะ